เรื่องเศร้าเกี่ยวกับบิลไฟฟ้าของประเทศญี่ปุ่น

ดัมดี้ดัมๆๆ โดนัลด์กลับถึงบ้านหลังจากทำงาน ทุกอย่างปกติดี ไม่มีอะไรน่ากังวล ไม่มีปัญหาเรื่องไหนในโรงเรียนที่เขารับมือไม่ไหว เขาเปิดกล่องจดหมายเพื่อหาบิลข้างใน ”ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง ก็แค่หนึ่งในค่าใช้จ่ายที่ต้องจัดการ คิดว่านะ”. โดนัลด์เปิดซองจดหมายที่ได้รับจาก TEPCO. สายตาของเขาสแกนไปทางขวาเพื่อดูยอดเงินอย่างว่องไว แล้วเขาก็หยุดนิ่ง ดวงตาเปิดกว้าง คิ้วขมวดย่น และเริ่มมีเหงื่อผุดตามใบหน้า. จากสภาพอากาศของฤดูหนาว, ไม่น่าจะมีแหล่งความร้อนใดทำให้เหงื่อออกได้ยกเว้นรังสีแกมม่า. แล้วมันก็เพิ่มขึ้น เขาสัมผัสได้ถึงความร้อนจนเดือดปุดๆในกระแสเลือดที่วิ่งไปทั่วร่าง เขาควบคุมมันไม่ได้. มีเสียงแตกร้าวดังก้องในหัวและอกของเขา กะโหลกเหมือนจะขยายออก ซี่โครงเริ่มดันออกด้านข้าง นิ้วโป้งที่แตะอยู่ใต้ตัวเลขยอดเงินเริ่มแตกและผิวหนังของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียว. โอ้ว อ้าว มันคือบัลค์มหาประลัย ! ในเสี้ยววินาที, ทั้งอพาร์ทเมนต์ถูกทำลายย่อยยับขณะที่มีเสียงตะโกนกึกก้องกลางดึก “บัลค์เกลียดบิลค่าไฟ !!” (คนดำ (black man) + เดอะฮัลค์ = เดอะบัลค์) ผมเดาว่าถ้ากลายเป็นเดอะบัลค์ ทำลายสิ่งของนู่นนี่ น่าจะทำให้ผมต้องเสียเงินเพิ่มมากกว่าเดิมแน่ๆ ดังนั้นถ้าคุณมีพลังงานแกมม่าในกระแสเลือด โปรดอย่าทำอย่างนั้น จริงจังเลยนะ ตอนนั้นผมลงไปกองกับพื้นเมื่อได้เห็นบิลค่าไฟเดือนล่าสุด(ค่าไฟและแก๊สจะรวมอยู่ในยอดเดียวกัน) บิลค่าไฟของผมเดือนนั้นโผล่มา 14,789 เยน. สำหรับพวกคุณบางคนที่ไม่ได้อยู่ญี่ปุ่น, ก็อาจจะคำนวณยากอยู่สักหน่อย. ผมเลยคิดว่าผมควรโชว์บิลเดือนที่แล้วเพื่อเอามาเปรียบเทียบให้ดูกันจะๆ ถ้าดูในรูป ยอดเงินจะเป็นแค่ 6,091 เยน. (ค่อนข้างแพงกว่าปกตินะ) นั่นหมายความว่าเดือนนี้แพงกว่าแทบจะเป็นสองเท่าของเดือนที่แล้ว เกิดอะไรขึ้น? ทำไมค่าไฟแพงจัง? บิลค่ามันไม่ขึ้นแบบไร้เหตุผลยังงี้หรอก ใช่มะ? ใช่ คุณถูกแล้ว. จะบอกความจริงให้ ผมใช้ฮีทเตอร์แบบฟุ่มเฟือยมาก อพาร์ทเมนต์ตึกนี้หนาวโคตรๆ หนาวกว่าที่อพาร์ทเมนต์เก่าผมเยอะเลย ที่นี่ผมมีเครื่องทำความร้อนในห้องนอนกับอีกเครื่องในห้องน้ำ ผมไม่ได้เปิดใช้ตลอดทั้งคืน หรือตอนผมอยู่ข้างนอก แต่ตอนผมอยู่บ้านก็จะใช้ตลอด ผมใช้ไฟเกินพิกัดกระแสอยู่บ่อยๆ (เปิดฮีทเตอร์ทุกตัวบวกกับเครื่องทำน้ำอุ่นพร้อมกัน) มันแก้ได้ไม่ยาก แต่เซ็งมากที่รู้ว่าคุณต้องเสียเงินมากกว่าเดิมในระหว่างเดือนตอนที่ค่าใช้จ่ายลดลงมาได้หน่อยนึง (ช่วงพักหนาว) นี่เป็นสาเหตุว่าทำไมผมถึงดีใจที่ได้งานในช่วงสิ้นปี เพราะมันช่วยผมออกจากทางตันจริงๆ ผมว่าหน้าหนาวปีนี้ผมคงไม่ใช้ฮีทเตอร์หนักขนาดนั้นแล้วล่ะ เพราะงั้นถ้าวันไหนคุณเห็นผมโพสคลิปวิดิโอในชุดกันหนาวเต็มรูปแบบล่ะก็ ไม่ต้องสงสัยเลย โปรดระวัง เพื่อนรักของผม นายเจฟ ด้วยล่ะทุกคน, มิฉะนั้นเขาอาจจะคืบคลานเข้าหาคุณเหมือนกับตำรวจรัฐบนทางด่วนเซาท์จอร์เจีย. เจอกันครั้งหน้า

อะไรจะเกิดขึ้นถ้าคุณจ่ายค่าภาษีช้าในญี่ปุ่น

นี่เป็นโพสสั้นๆที่ผมตั้งใจจะเขียนลงเวปตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่เนื่องจากค่าภาษีของผมถูกหักมาเป็นค่าใช้จ่าย ยังไงมันก็ยังเกี่ยวกันอยู่ล่ะนะ เมื่อคุณใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่น หลายสิ่งที่คุณได้เห็นและทำจะแตกต่างไปจากที่บ้านเกิด อย่างไรก็ตาม บางอย่างก็ไม่เปลี่ยน หากคุณมีรายได้ในประเทศญี่ปุ่น คุณจำเป็นต้องจ่ายค่าภาษีด้วย. บางบริษัทดูแลได้ดีในเรื่องการหักภาษีให้คุณ แต่ถ้าคุณทำกับบริษัทที่ไม่ดูแลเรื่องนี้ ก็คงต้องจัดการด้วยตัวคุณเอง โปรดย้อนกลับไปดูโพสก่อนหน้าที่ผมเขียนไว้เรื่อง ภาษีญี่ปุ่น. สำหรับผม, มาจากงานที่จ่ายให้สูงกว่างานที่ทำอยู่ตอนนี้มาก. นั่นหมายถึงภาระค่าภาษีก็จะสูงขึ้นมากกว่าที่ผมอยากให้มันเป็น บางครั้งก็แพงเกินกว่าที่ผมจะจ่ายแบบสบายๆได้ในรอบเดือน. หลังจากที่จ่ายครั้งแรกเป็นเงิน 40,600เยน หลังจากนั้นก็จะมีส่วนแบ่งจ่ายที่เหลืออีก 3 ครั้ง ครั้งละ 38,000เยน. จ่ายแพงขนาดนั้นเรียกได้ว่ากระเป๋าฉีกกันเลยทีเดียว แผนการชำระเงินวางไว้อย่างนั้น ผมมีเวลา 60 วันสำหรับจ่ายแต่ละครั้งซึ่งก็นานพอจะจัดการได้ แต่ก็มีรอบนึงที่ผมลืมจ่ายโดยไม่ได้ตั้งใจ. แล้วคุณจะทำยังไงหากจ่ายค่าภาษีช้า? อย่างแรกที่ต้องจำไว้คือ อย่าตื่นตูม. ผมเรียนรู้ได้ที่ญี่ปุ่น จากการเจอปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการเงิน กฎระเบียบที่นี่ค่อนข้างอนุโลมกว่าที่อเมริกาเล็กน้อย โปรดอย่าเข้าใจผิดว่าผมสนับสนุนให้คุณจ่ายบิลช้านะ ผมไม่คิดว่ามันเป็นไอเดียที่ดี แต่ผมรู้ดีว่าบางครั้งเราก็ผิดพลาดกันได้ สิ่งแรกที่จะเกิดขึ้นคือ คุณจะได้รับการแจ้งเตือนทางไปรษณีย์ที่ส่งมาจากศาลากลางในจังหวัดนั้นๆ ที่ผมได้รับมีหน้าตาประมาณนี้ นี่คือการแจ้งเตือนค่าภาษีแบบซึคุบะ. ถูกส่งมาเมื่อปลายปีที่แล้ว สังเกตเห็นตราปั้มด้านล่างขวามั้ย? นั่นล่ะผมจ่ายเอง ฟู่วว เสร็จไปหนึ่ง จดหมายแจ้งเตือนนี้จะแจ้งให้รู้ค่าภาษีที่ค้างและค่าเตือนที่คุณต้องจ่าย. มันไม่ได้แพงมาก แค่ 100เยน. แต่อย่าลิม ถ้าภาษีของคุณยิ่งล่าช้า ค่าธรรมเนียมที่จะถูกเรียกก็จะคำนวณโดยอิงจากจำนวนวันที่ล่าช้าและจำนวนเงินค้างชำระ. ที่ซึคุบะ คิดเป็น 14.6% ต่อปีของจำนวนเงินที่ครบกำหนด. ถึงผมจะรู้ดีว่าคงจ่ายที่ร้านสะดวกซื้อไม่ทันแล้ว ผมลองไปที่ร้านมินิสตอปแล้วลองจ่ายดู. แน่นอนว่าจ่ายไม่ได้, พนักงานแจ้งให้ผมรู้ว่าไม่สามารถจ่ายได้เนื่องจากเกินกำหนดชำระไปแล้ว. ผมขี่มอเตอร์ไซค์ไปที่ศาลากลางจังหวัดพร้อมกับเงินในมือ คำนวณคร่าวๆจากหน้าประตูใหญ่ถึงโต๊ะเสมียนไปกลับก็แค่ 2-3 นาที(ไม่มีคิวต่อแถว) ไม่เจ็บ ไม่เหนื่อย ไม่มีใครถามอะไรสักคำ ดีที่สุดเสมอถ้าคุณสามารถจัดการเรื่องภาษีให้ตรงเวลา. แต่ถ้าคุณจ่ายไม่ได้จริงๆ, ถัดไปอีกสัก 2 หรือ 3 สัปดาห์(อย่างน้อยก็ที่นี่ในซึคุบะ) ก็คงไม่เสียหายอะไรกับค่าล่าช้าหรืออะไรทำนองนั้น. ขอบคุณที่อ่าน โดนัลด์ แอช

อ้างสิทธิ์ในญี่ปุ่น

วันนี้ผมมีบทความเกี่ยวกับเรื่องเงินแบบสั้นๆ ทำไมมันถึงสั้นทั้งๆที่เกี่ยวกับเรื่องการเงินน่ะเหรอ? เหตุผลก็เพราะว่าการชำระบิลในประเทศญี่ปุ่นมันง่ายมากเลยน่ะสิ ตั้งแต่บิลค่าน้ำ-ไฟ ค่าอินเตอร์เนต ไปจนถึงค่าภาษี การดูแลจัดการบิลเหล่านี้ง่ายเหมือนปอกกล้วย มันไม่ได้มีขั้นตอนซับซ้อนอะไรมากมาย ฉะนั้นเรามาลุยเรื่องนี้กันเลย คุณจะได้รับบิลทางไปรษณีย์ ไม่ว่ามันจะเป็นค่าแก๊ส ค่าน้ำ ไฟ อะไรก็ตามแต่ สำหรับตัวอย่างวันนี้ผมจะใช้บิลค่าอินเตอร์เนตจาก NTT Communications เมื่อคุณเปิดดูบิล… สเตปแรก : ตรวจสอบยอดชำระ บิลของคุณอาจจะมีตัวเลขเยอะกว่าในรูป ผมต้องลบข้อมูลออกบางจุด กรอปแดงๆจะแสดงยอดเงิน 4,514เยน บวกค่าภาษีบริโภค 192เยน (รวมเป็น 4706เยน) และวันครบกำหนดจ่ายคือ 5 สิงหาคม 2011 (เลข 23年 ในบิลหมายถึงปี เป็นระบบคำนวนวันที่ใช้กันที่นี่ แต่มันหมายถึงปี 2011 ไว้ผมจะอธิบายเพิ่มในโพสครั้งต่อไป) บิลส่วนใหญ่จะมียอดค่าชำระบันทึกไว้สองที่ ที่แรกอยู่ในส่วนข้อมูลหลักบนบิล อีกที่หนึ่งจะอยู่กับต้นขั้ว ซึ่งจะถูกดึงออกไปหลังจากนั้น ถ้าหากคุณสับสนว่าต้องดูตรงไหน แค่มองหา เยนคันจิ, en หรือตัว 円, คุณก็จะหาเจอในไม่ช้า สเตปสอง : ไปที่ร้านจะดวกซื้อใกล้บ้าน & ยื่นบิลของคุณให้พนักงาน ร้านสะดวกซื้อทุกร้าน ผมหมายถึงทุกๆร้านที่ผมเคยไปมาเลยนะ จะมีบริการรับชำระบิลแทบจะทุกประเภทที่คุณจะนึกออก คุณสามารถฉีกต้นขั้วออกเองได้ แต่ถ้าคุณไม่แน่ใจ ไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น แค่ดึงเอกสารออกมาจากซองจดหมายแล้วยื่นให้พนักงาน คุณไม่ต้องพูดอะไรออกไปเลยแม้แต่คำเดียว สเตปสาม : ชำระยอดเงินและรอพนักงานประทับตราลงบนต้นขั้ว ภาพซูมให้เห็นชัดๆของต้นขั้วสามใบ เห็นช่องว่างๆด้านล่างนั้นมั้ย? นั่นเป็นจุดที่จะประทับตราล่ะ หลังจากยื่นทุกอย่างให้พนักงาน และจ่ายเงินเรียบร้อย ก็รอสักนิดหนึ่ง พนักงานจะประทับตราพร้อมลงวันที่ให้ทั้งสามจุด บิลส่วนใหญ่จะมีรอยปรุให้ฉีก พนักงานก็จะฉีกให้และบริการให้เสร็จสรรพ ต้นขั้วที่ได้รับการประทับตราจะเก็บไว้กับพนักงาน 2 ใบ และยื่นกลับให้คุณ 1 ใบ (ทางร้านจะเก็บไว้ใบนึง และแน่นอนว่าใบสุดท้ายจะให้กับต้นทางที่คิดค่าบริการ) สเตปที่สี่ : เก็บต้นขั้วหรือใบเสร็จของคุณไว้ ต้นขั้วที่ได้รับการปั้มตราคือหลักฐานยืนยันว่าคุณได้ชำระเงินแล้วในวันที่แสดงในบิล ผมไม่เคยมีปัญหาเกี่ยวกับการชำระบิลมาก่อน แต่เก็บรักษาไว้จะดีที่สุด อะไรจะเกิดขึ้นถ้าคุณลืมจ่ายจนถึงวันครบกำหนด แย่หน่อยที่การลืมจ่ายบิลสาธารณูปโภคไม่ได้จัดการง่ายเหมือนการลืมจ่ายค่าเช่าที่ญี่ปุ่น ซึ่งก็ค่อนข้างแปลก ผมไม่เคยพลาดหรอก แต่ก็เคยเห็นบ้างจากเพื่อนฝูง ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด วิธีการคือต้องไปที่สำนักงานที่คุณจะไปชำระ คุณสามารถไปจ่ายได้ที่นั่น ผมไม่รู้แน่ชัดว่าจะมีเรียกเก็บค่าล่าช้าไหม แต่คิดว่าไม่นะ […]